สระว่ายน้ำ “ระบบโอโซน” สุดยอดนวัตกรรมใหม่ล่าสุด ฝีมืออาจารย์และนักศึกษา สจล.
สระว่ายน้ำ “ระบบโอโซน” สุดยอดนวัตกรรมใหม่ล่าสุด ฝีมืออาจารย์และนักศึกษา สจล.
เปิดตัวสระว่ายน้ำ “ระบบโอโซน” นวัตกรรมใหม่ฝีมือคนไทย ดัน สจล. สู่ “Dream Campus” ที่ทันสมัยและน่าอยู่ที่สุดในประเทศ
- สจล. ผุดนวัตกรรม“สระว่ายน้ำโอโซน” นวัตกรรมใหม่ฝีมือคนไทย บอกลา “คลอรีน” พร้อมเป็นต้นแบบต่อยอดเชิงพาณิชย์ ลดการนำเข้าเทคโนโลยีและสารคลอรีน จาก ตปท. ปีละไม่ต่ำกว่า 1,400 ล้านบาท
เดือน เม.ย. ของทุกปี ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างสมบูรณ์ ในช่วงนี้หลายคนมักมีกิจกรรมคล้ายร้อนที่แตกต่างกันออกไป ตามไลฟ์สไตล์ ความชื่นชอบ รวมถึงความถนัดของแต่ละบุคคล แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเชื่อว่าหนึ่งในกิจกรรมยอดนิยม ที่หลายคนมักจะนึกถึงเป็นอันดับแรกๆ ในการคลายร้อน ก็คือ “การว่ายน้ำ” เพราะนอกจากช่วยดับร้อนได้เป็นอย่างดีแล้ว ขณะเดียวกันยังถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัว แต่กิจกรรมที่ดูสนุกสนานและใครๆ ก็ทำได้นั้น อีกด้านหนึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน เนื่องจากสระว่ายน้ำทั่วไปในประเทศไทยใช้สารคลอรีนในการบำบัดน้ำ ซึ่งสารชนิดนี้นี่เองที่กลายเป็นตัวการสำคัญ ในการก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ทำลายเนื้อเยื่อสายตา ทำให้ฟันผุกร่อน และมีสารตกค้างซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งด้วย
ผลกระทบข้างต้นที่อาจเกิดขึ้นกับสุขภาพนักกีฬาและคนทั่วไปที่ชื่นชอบการว่ายน้ำ ส่งผลให้ รศ.ดร.ศิริวัฒน์ โพธิเวชกุล และ ผศ.ดร.นรเศรษฐ พัฒนเดชอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ร่วมกับนักศึกษา พัฒนา “นวัตกรรมระบบเครื่องกำเนิดโอโซนเพื่อการบำบัดน้ำ” ขึ้น และได้ทำการติดตั้งทดสอบระบบการทำงานที่ เก็บข้อมูล และวิเคราะห์ผล ที่สระว่ายน้ำสมเด็จพระเทพฯ ขนาดสระ 1,500 ลูกบาศก์เมตร ภายในสถาบัน ซึ่งนวัตกรรมนี้ถือเป็นการคิดค้นใหม่ เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพในการผลิตก๊าซโอโซนระดับสูง แต่ยังช่วยประหยัดพลังงาน ขนาด 200 g o3/hr. โดยใช้เทคโนโลยีสนามไฟฟ้าแรงดันไฟฟ้าสูง ความถี่สูง เพื่อให้เกิดกระบวนการแตกตัวด้วยขบวนการ โคโรน่าดีสชาร์จของออกซิเจนในอากาศ แล้วรวมตัวใหม่เป็นก๊าซโอโซน โดยมีการควบคุมการทำงาน การผสม และการควบคุมคุณภาพน้ำแบบอัตโนมัติ ซึ่งผลจากการเดินเครื่องทดสอบพบว่ามีคุณภาพและผลวิเคราะห์เชื่อถือได้ สามารถนำไปเป็นต้นแบบผลิตในเชิงพาณิชย์ได้
รศ.ดร.ศิริวัฒน์ ระบุถึงหลักการและเหตุผลในการพัฒนานวัตกรรมชิ้นนี้ว่า เนื่องจากต้องการนำความรู้เชิงวิชาการขยายไปสู่ การสร้างความปลอดภัยและยกคุณภาพชีวิตของคนไทย ซึ่งการใช้เทคโนโลยีก๊าซโอโซนเพื่อการบำบัดในสระว่ายน้ำ นับเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีทางเลือกที่ถูกนำมาใช้ทดแทนคลอรีน เพื่อลดปัญหาพิษคลอรีนต่อสุขภาพของผู้ว่ายน้ำออกกำลังกาย โดยที่ผ่านมาได้มีการส่งเสริมอย่างจริงจังในการแข่งขันกีฬาว่ายน้ำระดับโอลิมปิก ซึ่งในส่วนของประเทศไทยก็ได้มีการศึกษาผลกระทบ การใช้คลอรีนบำบัดน้ำสระว่ายน้ำและพบว่าส่งผลเสียต่อสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง ทำให้กรุงเทพมหานครออกข้อบังคับว่าด้วย “หลักเกณฑ์การประกอบการค้าซึ่งเป็นที่รังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ประเภทการจัดตั้งสระว่ายน้ำ พ.ศ. 2530 กำหนดให้สระว่ายน้ำมีความเป็นกรดด่างอยู่ที่ 7.2 - 8.4 โดยต้องควบคุมให้อยู่ในระดับนี้ทุกวัน เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ แต่ในทางปฏิบัติเป็นไปได้ยากที่จะควบคุมสภาพความเป็นกรดด่างของน้ำให้อยู่ในระดับ 7.0 - 8.5 จึงก่อให้ปัญหาเรื่องกลิ่นเหม็น สร้างความระคายเคืองต่อผิวหนัง และอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะดวงตาเพราะทำลายเนื้อเยื่อสายตา การผุกกร่อนของฝัน โดยผลการวิจัยของกองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย พบว่า นักกีฬาว่ายน้ำมีสภาพฝันผุกร่อน มากกว่าผู้ว่ายน้ำออกกำลังกาย ประมาณ 4.68 เท่า ขณะที่เด็กอายุ 5-6 ปี มีโอกาสทำให้ฝันแท้ที่กำลังเกิดใหม่มีภาวะสึกกร่อน รวมทั้งมีการวางเรียงตัวที่ผิดปกติผิดรูปร่างด้วย
ทั้งนี้ การใช้โอโซนบำบัดน้ำในสระว่ายน้ำแทนคลอรีน ช่วยให้น้ำที่ผ่านการบวนการบำบัดมีคุณภาพสูงและมีข้อดี ดังนี้
- ไม่ทำให้ระคายเคืองตา แสบตา หรือทำให้ตาแดง แม้จะมีความเข้มข้นของโอโซนในน้ำสูงก็ตาม
- ฆ่าเชือโรคได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เร็วกว่าคลอรีน 3,125 เท่า
- สลายพิษจากปฏิกิริยาของคลอรีน ได้แก่ Chloramine ซึ่งมีกลิ่นไม่ค่อยดีและทำให้ระคายเคือง ต่อส่วนต่างๆ ของร่างกาย และ Chloro-organic compounds หรือ Trihalomethanes (THMs) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง (carcinogenic) ได้
- ออกซิไดส์สารอินทรีย์ เช่น เสมหะ ปัสสาวะ ขี้ไคล และสารอนินทรีย์ เช่น ไฮโดรเจนซัลไฟด์ เหล็ก แมงกานีส พบได้โดยทั่วไปในสระว่ายน้ำ ทำให้ตกตะกอนและน้ำดูใสขึ้นเมื่อผ่านระบบกรองและช่วยปรับสมดุล
- ไม่ทำให้ความเป็นกรด-เบสของน้ำเปลี่ยนแปลง ซึ่งต่างจากการใช้คลอรีนที่จะทาให้ค่า PH เปลี่ยน ต้องเติมสารช่วยปรับค่า PH อยู่เรื่อยๆ
- ก๊าซโอโซนผลิตได้จากก๊าซออกซิเจนซึ่งมีอยู่ในอากาศตามธรรมชาติ จึงไม่ต้องจัดหาสารเคมีหรือสารตั้งต้นอื่นมาเติม ทำให้สะดวกและประหยัดค่าใช้จ่ายในการใช้งานเป็นอย่างมาก
- ยืดเวลาในการล้างไส้กรองของระบบกรองน้ำของสระว่ายน้ำ เพราะโอโซนจะไม่ทิ้งสารเคมีตกค้างในน้ำ เมื่อโอโซนทำปฏิกิริยาทำลายผนังเซลล์ของเชื้อโรคและสิ่งต่างๆ ในน้ำแล้วก็จะสลายตัวเป็นออกซิเจน จึงช่วยลดภาระการทางานของระบบกรองลงได้
- ได้ออกซิเจนในน้ำเพิ่มขึ้นจากการสลายตัวของโอโซน ช่วยให้ผู้ออกกำลังกายมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น
“เชื่อว่าอนาคตจะมีการสนับสนุนให้เลิกใช้คลอรีนในสระว่ายน้ำที่สร้างใหม่ และให้ใช้เทคโนโลยีทดแทนอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยของประชาชน ส่วนสระว่ายน้ำเดิมในประเทศไทยที่มีอยู่มากกว่า 1,000 แห่ง ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนกระบวนการบำบัดน้ำ ซึ่งการใช้ก๊าซโอโซนนับเป็นทางเลือกที่ได้รับการสนับสนุน คาดการณ์ว่าจะต้องมีการผลิตและติดตั้ง มีมูลค่าโดยรวมมากกว่า 5,000 ล้านบาท ดังนั้น ประเทศไทยควรส่งเสริมและสนับสนุนนวัตกรรมที่คิดค้นโดยนักวิจัยภายในประเทศ เพื่อทดแทนการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ไม่น้อยกว่าปีละ 1,000 ล้านบาท และลดการนำเข้าและใช้สารเคมีคลอรีนไม่ต่ำกว่าปีละ 400 ล้านบาท อีกทั้งยังสามารถต่อยอดพัฒนาไปใช้กับระบบบาบัดน้ำเสียในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมฟอกย้อมเพื่อทดแทนการใช้สารเคมีมากกว่า 1,000 แห่ง และอื่นๆ อีกหลากหลายในอนาคต” อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า สจล. กล่าวทิ้งท้าย
นักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครองและประชาชนทั่วไป สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หมายเลขโทรศัพท์ 02-329-8111 หรือเข้าไปที่ www.kmitl.ac.th