พนักงานรุ่นใหม่ ไฟท์ สู้ เพราะรัก สจล.

ฝากไว้ในใจเธอ...พนักงานรุ่นใหม่ ไฟท์ สู้  เพราะรัก สจล.

          ศาสตราจารย์  ดร.สุชัชวีร์   สุวรรณสวัสดิ์   อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง   พบปะกับพนักงานใหม่ที่เพิ่งสอบผ่านการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขจากพนักงานสถาบันเงินรายได้มาเป็น  พนักงานสถาบันเงินงบประมาณ  เมื่อวันที่  23  กรกฎาคม  2561  ณ  ห้องประชุมแคแสด  ก่อนกล่าวสิ่งอื่นท่านได้กล่าว  แสดงความยินดีกับพนักงานสถาบันทุกคนที่ได้สอบผ่านเงื่อนไข  และก้าวเข้ามาร่วมเป็นครอบครัวข้าราชการด้วยกันอย่างสมบูรณ์แล้ว ซึ่งทุกคนก่อนเข้ามาสู่ครอบครัวนี้ก็เคยเป็นคนที่ทำงานอย่างเสียสละมายาวนานแล้วในครอบครัวของ สจล.   ผู้ที่ก้าวผ่านมาอีกขั้นหนึ่งตรงนี้ได้ต้องผ่าน “การสอบ”  ที่ถือว่าเป็นวิธีการที่มีความยุติธรรมมากที่สุดก็ว่าได้  ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครชอบสักเท่าใดนักก็ตาม  แต่ไม่ว่าเราจะอยู่ในเวทีใดเราก็หลีกไม่พ้นการสอบไปได้

          อธิการบดี  กล่าวว่าพนักงานรุ่นใหม่ที่สอบผ่านมาได้ครั้งนี้นับว่าเป็นรุ่นที่ใหญ่ที่สุดของการสอบเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขพนักงานของ สจล.  อยากฝากไว้ว่า  เมื่อสอบผ่านเข้ามาแล้วอย่าหยุดนิ่งในการทำงานและต้องเรียนรู้เพิ่มอย่างสม่ำเสมอ  เพื่อช่วยกันพัฒนาสถาบันให้ก้าวหน้า  เพราะโดยธรรมชาติของคนเราเมื่อสอบผ่านแล้วมักจะแรงแผ่วลงหรือไม่ก็ขี้เกียจแล้ว  เพราะถือว่าสอบผ่านมาแล้วจะไม่มีการแข่งขันใดอีก  ต่อไปก็จะเป็นไม้ตายซาก  ไม่มีความทะเยอทะยานที่จะพัฒนาสิ่งใดต่อไปอีก

          อธิการบดี ใช้คำแทนตัวว่า  “พี่เอ้” ด้วยความสนิทสนมและแสดงความรักอย่างจริงใจกับพนักงานสถาบันเงินงบประมาณรุ่นใหม่  กล่าวข้อคิดให้พนักงานสถาบันรุ่นน้องฟังอีกว่า  อยากให้เห็นสภาพที่แท้จริงของสถาบันและสภาพที่แท้จริงของการศึกษาไทยที่จะมีแต่มืดมิดลงในด้านของการจ้างบุคลากร  เพราะเด็กไทยเข้าเรียนลดลงเป็นจำนวนมาก  และประสบกับปัญหาที่พ่อแม่ของเด็กไม่เชื่อใจในระบบการศึกษาไทยจึงส่งลูกหลานเข้าเรียนต่อในโรงเรียนนานาชาติเมื่อถึงปริญญาตรีก็ส่งเรียนต่อต่างประเทศ  เด็กที่เรียนในปริญญาตรีในประเทศไทยจึงลดลงอย่างรวดเร็ว  จนมหาวิทยาลัยเอกชนหลายแห่งต้องไล่คนออกหรือปิดกิจการไปเลยก็มีตามข่าวที่เราก็เคยได้ยินมา  ซึ่งถือว่า สจล. ก็อยู่ในสายธุรกิจเดียวกันนี้  เพียงแต่ดีกว่าตรงที่ได้รับงบประมาณจากรัฐมาช่วยเหลือแต่ก็ไม่เพียงพอและลดลงทุกปี  และค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้นมากกว่าเงินที่ได้รับจัดสรรทุกปี  ถือได้ว่าเป็นภัยเงียบที่คืบคลานเข้ามาใกล้ตัวเราแล้วทุกที  พี่เอ้ทิ้งท้ายว่า “ถ้ามหาวิทยาลัยปิดตัวลง  เราจะไปทำงานอะไรกัน !?”  ดังนั้น  เมื่อเราได้เข้ามาเป็นครอบครัวที่มีความใกล้ชิดกันมากขึ้นแล้ว   ขอให้พี่น้องทุกคนเสียสละทำงานให้ สจล. ให้มากขึ้น  เพิ่มความรัก  ความห่วงใยให้กับ สจล.  ให้มากขึ้น ถือว่าสถาบันเป็นบ้านของเราทุกคน  เพื่อให้ในอนาคตสถาบันยังอยู่ได้อย่างแข็งแกร่งท่ามกลางอุปสรรคที่เปลี่ยนแปลงและถาโถมเข้าใส่อยู่ตลอดเวลา    ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ  ผลกระทบที่ว่านี้ไม่ได้เกิดแบบมีสัญญาณบอกล่วงหน้า  หากแต่เกิดแบบสึนามิที่เกิดอย่างรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว  ต่อจากนี้ทุกคนจึงมีหน้าที่เพิ่มต้องขยัน  ต้องสู้  ต้องฟิต  ต้องอึด  ให้คิดว่าต้องทำงานให้ดีที่สุดเพื่อตัวเองและบ้านของเรา  และยังต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันด้วยว่า บ้านเรา “มีดี” เพราะว่าเรา “รัก สจล.” 

GOOGLE TRANSLATE TO JAPANESE

ข่าวจาก : ฝ่ายสื่อสารองค์กร สำนักงานบริหารงานทั่วไปและประชาสัมพันธ์

จำนวนเข้าชม : 5507